รัฐบาลเชิญชวนประชาชน ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 15 พฤศจิกายน เน้นแนวคิด “ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” สืบสานคุณค่าสาระวัฒนธรรมไทย ผลักดัน Soft Power เทศกาล สู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยแท้จริงแล้ว ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในฤดูน้ำหลาก ซึ่งแก่นของประเพณี คือการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ การรู้คุณค่าของน้ำที่ใช้ในการดำรงชีวิตอันมีต้นกำเนิดจากแม่น้ำลำคลอง โดยกรุงเทพมหานคร กำหนดจัดประเพณีลอยกระทง ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีการจัดงานในส่วนภูมิภาค ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนการจัดงานในพื้นที่ 5 เมืองอัตลักษณ์ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม ร้อยเอ็ด และพื้นที่ 8 เมืองน่าเที่ยว ได้แก่ กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลำปาง นครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และภูเก็ต
เชิญชวนประชาชนร่วมงานประเพณีลอยกระทง เพื่อผลักดันสู่ World Event คาดนักท่องเที่ยวทะลัก
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล เชิญชวนประชาชนร่วมงานประเพณีลอยกระทง ร่วมกันสืบสาน รักษา ประเพณีลอยกระทงให้คงคุณค่าความเป็นไทย ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเพณีลอยกระทงอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็น Soft Power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ ผลักดันประเพณีลอยกระทงให้เป็น World Event เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก และขอให้พี่น้องชาวไทย ร่วมงานประเพณีลอยกระทงอย่างมีความสุข สนุกสนานรื่นเริง เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับชาวต่างชาติ ที่มาร่วมงานลอยกระทง ให้เกิดความประทับใจในประเพณีไทย และเห็นคุณค่าที่แท้จริงของประเพณีไทยที่มีการสืบสานมาอย่างยาวนาน
“รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญ และเร่งขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) พร้อมส่งเสริม Soft Power และภูมิปัญญาพื้นบ้าน (Local Wisdom) พร้อมผลักดันการส่งเสริมคุณค่าเทศกาลประเพณีของชาติ และเทศกาลอื่น ๆ ด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทงให้ยกระดับสู่งานเฟสติวัลระดับโลก หรือ World Event เพื่อเป็นหนึ่งในหมุดหมายด้านการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ รวมทั้งเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ พร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชน การจัดงานประเพณีลอยกระทงให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เพื่อให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ และสัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันน่าประทับใจของวิถีชุมชนริมสายน้ำ ที่เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลาย สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างแท้จริง” นายคารม กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้คาดการณ์เที่ยวบินเดือน พ.ย.67 ทั้งสิ้น 73,500 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 2,450 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเทศกาลลอยกระทงปี 2566 โดยในช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้ ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2567 มีสนามบินที่มีปริมาณเที่ยวบินมากที่สุด 6 อันดับ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ 6,170 เที่ยวบิน สนามบินดอนเมือง 3,760 เที่ยวบิน สนามบิน 1,840 เที่ยวบิน สนามบินเชียงใหม่ 1,100 เที่ยวบิน สนามบินสมุย 440 เที่ยวบิน และสนามบินอื่น ๆ 230 เที่ยวบิน
นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อบังคับการปล่อยโคมลอยเพื่อความปลอดภัย“การอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามเป็นสิ่งที่ควรสืบทอด แต่ในขณะเดียวกัน ความปลอดภัยของอากาศยาน ที่ขึ้น-ลง ในช่วงเวลานั้น ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามข้อบังคับในการปล่อยโคมลอย โคมควัน ตามช่วงเวลาที่หน่วยงานราชการของแต่ละจังหวัดกำหนด ซึ่งจะสัมพันธ์กับการปรับตารางการบินของสายการบินต่าง ๆ เพื่อให้เกิดมาตรฐานการจัดการในช่วงเทศกาลที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างความปลอดภัยทางการบิน”
ประวัติประเพณีลอยกระทง
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ประกาศให้ประเพณีลอยกระทง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี ๒๕๕๔ สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่จับต้องไม่ได้
ประเพณีลอยกระทง มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นพิธีกรรมร่วมกันของผู้คนในชุมชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อขอขมาต่อธรรมชาติอันมีดินและน้ำที่หล่อเลี้ยง ตลอดจนพืชและสัตว์ที่เกื้อกูลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์มนุษย์จึงมีชีวิตเจริญเติบโตขึ้นได้ มนุษย์อุษาคเนย์รู้ว่าที่มีชีวิตอยู่ได้เพราะน้ำและดินเป็นสำคัญ โดยมีน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะเป็นบ่อเกิดของสิ่งมีชีวิต เมื่อคนเรามีชีวิตอยู่รอดได้ ปีหนึ่ง จึงทำพิธีขอขมาที่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (เช่น เหยียบย่ำ ขับถ่าย ทิ้งของเสีย สิ่งปฏิกูล และอาจทำสิ่งอื่นที่ไม่เหมาะสม) โดยใช้วัสดุที่ลอยน้ำได้ใส่เครื่องเซ่นให้ลอยไปกับน้ำ เช่น ต้นกล้วย กระบอกไม้ไผ่ ฯลฯ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่คนเรารู้จักจากประสบการณ์ธรรมชาติ คือ สิ้นฤดูกาลเก่า เดือน ๑๒ ขึ้นฤดูกาลใหม่ เดือนอ้าย ตามจันทรคติ ที่มีดวงจันทร์เป็นศูนย์กลางเพราะเป็นสิ่งที่มีอำนาจทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลง
สำหรับในประเทศไทยการลอยกระทงเป็นประเพณีที่ชาวไทยสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันถึงแม้จะไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด เพราะในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยและเอกสารร่วมสมัยก็ไม่มีปรากฏชื่อ “ลอยกระทง” แม้แต่ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงก็มีแต่ชื่อ “เผาเทียนเล่นไฟ” ที่มีความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่าการทำบุญไหว้พระ ส่วนราชสำนักกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำที่มีน้ำท่วมหลายเดือนจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญในการสร้างสรรค์ประเพณีเกี่ยวกับน้ำขึ้นมาให้เป็น “ประเพณีหลวง” ของราชอาณาจักร ดังมีหลักฐานตราไว้ในกฎมณเทียรบาล ว่า พระเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จไปประกอบพิธีทางน้ำ เพื่อความมั่นคงและมั่งคั่งทางกสิกรรมของราษฎรและขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค เพื่อประกอบพระราชพิธีโดยเฉพาะ ครั้นเมื่อถึงสมัยรัชการที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บ้านเมืองเริ่มมั่นคง การศึกสงครามลดลงเกือบหมด การค้าก็มั่งคั่งขึ้น โดยเฉพาะกับจีน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฟื้นฟูประเพณีพิธีกรรมสำคัญเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักร และด้วยความจำเป็นในด้านอื่น ๆ อีกจึงได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ตำราท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศ ขึ้นมา โดยสมมุติให้ฉากของเรื่องเกิดขึ้นในยุคพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ซึ่งตำราดังกล่าวได้พูดถึงนางนพมาศ ว่า เป็นสนมเอกของพระร่วง ที่ได้คิดประดิษฐ์กระทงใบตองเป็นรูปดอกบัวกมุทขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงเกิด กระทง ทำด้วยใบตองแทนวัสดุอื่น ๆ แล้วนิยมใช้ลอยกระทงมาแต่คราวนั้น
ประเพณีลอยกระทงที่ทำด้วยใบตองในระยะแรก จำกัดอยู่แต่ในราชสำนักกรุงเทพฯ เท่านั้นซึ่งมีรายละเอียดพรรณนาอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๓ ว่ากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ราชธิดาองค์โปรดได้แต่งกระทงเล่นทุกปีเมื่อนานเข้าก็เริ่มแพร่หลายสู่ราษฎรในกรุงเทพแล้วขยายไปยังหัวเมืองใกล้เคียงในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและกว่าจะเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วประเทศก็ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หรือก่อนหน้านั้นไม่นาน
ประเพณีลอยกระทง นิยมทำกันในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง เพราะเป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุด โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น อาทิ เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลกเมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพุทธมารดา หรือเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ประทับรอยพระบาทประดิษฐานไว้บนหาดทรายที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า เพื่อลอยเคราะห์หรือสะเดาะเคราะห์ คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ และเพื่อสำนึกบุญคุณของน้ำที่ได้นำมากินมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันรวมทั้ง ขอขมาลาโทษในการทำให้แหล่งน้ำนั้น ๆ ไม่สะอาด
วัสดุที่นำมาใช้เพื่อลอยเป็นกระทงมีหลากหลายลักษณะ แต่ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นกันบ่อย ๆ ในบ้านเราก็จะเป็นกระทงที่ทำจากใบตอง ปักด้วยเทียน เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าด้วยแสงสว่าง เพราะหาง่ายและก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ภายในกระทงจะตั้งพุ่มทองน้อยธูป ๑ ดอก และเทียน ๑ ดอก กระทงแบบพราหมณ์ มีวิธีการทำแบบเดียวกับกระทงแบบพุทธ แต่ต่างกันตรงที่ไม่มีเครื่องทองน้อย บางท้องถิ่นจะมีการใส่หมากพลู เงินเหรียญ หรือ ตัดเส้นผม ตัดเล็บมือเล็บเท้าในกระทง เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ในตัว จะเห็นได้ว่าประเพณีลอยกระทงนั้น สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยเรามีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับสายน้ำอย่างมาก เพราะน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ ทั้งที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคอยู่เป็นประจำทุกวัน
(ขอบคุณข้อมูลจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม)
แนวทางปฏิบัติในช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ใน 3 ด้าน 12 มาตรการ
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในฤดูน้ำหลาก ซึ่งแก่นแท้ของประเพณี เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ การรู้คุณค่าของน้ำที่ใช้ในการดำรงชีวิตอันมีต้นกำเนิดจากแม่น้ำลำคลอง ด้วยเหตุนี้ ประเพณีลอยกระทง จึงถือว่าเป็นประเพณีที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยอันงดงาม ปรากฏในรูปแบบของพิธีกรรม การประดิษฐ์กระทง การประดับประทีปโคมไฟในยามค่ำคืน การแสดงมหรสพ และการละเล่นรื่นเริงต่าง ๆ เพื่อให้ภาพรวมงานลอยกระทงของประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมประเพณีลอยกระทง ได้แนวทางปฏิบัติในช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ใน 3 ด้าน 12 มาตรการ ดังนี้
1) ลอยกระทงวิถีไทย มี 7 มาตรการ
1. ขอให้ทุกภาคส่วนสร้างสรรค์กิจกรรมที่พัฒนาต่อยอดจากคุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทงดั้งเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของชุมชนและของประเทศ
2. จัดกิจกรรมประเพณีลอยกระทง โดยเน้นเรื่องคุณค่าและสาระของประเพณี
3. ร่วมกันรักษาความสะอาดลำน้ำ และใช้กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4. สนับสนุนให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทงในทุกระดับ
5. สร้างความตระหนักรู้ต่อประชาชนเกี่ยวกับประเพณี มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
6. สื่อสารให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมประเพณีลอยกระทงให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
7. สนับสนุนให้ประชาชนใช้สื่อโซเชียลมีเดียเผยเพื่อแพร่ภาพกิจกรรมลอยกระทงสร้างการรับรู้ให้ชาวต่างชาติ
2) ด้านปลอดภัย มี 3 มาตรการ
1. รณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจรและมาตรการความปลอดภัย
2. ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุข
3. ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติภัยต่างๆ
3) ด้านใส่ใจสิ่งแวดล้อม มี 2 มาตรการ
1. ร่วมกันกำจัดขยะและลดขยะตามแนวคิด Zero Waste เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
2. สื่อสารต่อประชาชนให้ตระหนักถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะการอนุรักษ์แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม มีกำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2567 ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรม เช่น สนุกกับการรำวงเพลงลอยกระทง 6 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สเปน โดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ และมีศิลปินที่มีชื่อเสียงร่วมรำวงและขับร้องเพลงในงาน ได้แก่ สุดา ชื่นบาน ศิลปินแห่งชาติ ศรราม น้ำเพชร มนต์สิทธิ์ คำสร้อย นัท มาลิสา ศิรินทรา นิยากร ผิงผิง วิน วศิน The Golden Song วงเทพบุตร รถแห่ และ น้องดินสอสี พนิดา เขื่อนจินดา นางสาวไทยประจำปี 2567 รวมทั้งการแสดงดนตรีพื้นบ้านวงโปงลางอีสาน ชวนน้องหมูเด้งมาเต้นโปงลาง การจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ลอยกระทงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลอยกระทง ด้วยระบบเทคโนโลยี Interactive การประชันวงดนตรีไทย การจัดแสดงองค์ความรู้คุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทง การสาธิตอาหารไทย ขนมโบราณของชุมชนต่าง ๆ ตลอดจนการจัดพิมพ์หนังสือประเพณีลอยกระทงและแผ่นพับประชาสัมพันธ์ฉบับนักท่องเที่ยว (คุณค่าสาระและ Do & Don’t) อีกด้วย
ในส่วนภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม ยังบูรณาการจัดงานใน พื้นที่ 5 เมืองอัตลักษณ์ ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด และพื้นที่ 8 เมืองน่าเที่ยว ได้แก่ กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลำปาง นครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และภูเก็ต รวมถึงส่งเสริมการจัดประเพณีลอยกระทงทุกจังหวัดทั่วประเทศ
5 เมืองอัตลักษณ์ลอยกระทง : เชียงใหม่ และร้อยเอ็ด
“เทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ วันที่ 13 – 17 พฤศจิกายน 2567”
ยี่เป็ง เป็นประเพณีเก่าแก่ในสมัยอาณาจักรล้านนา ประชาชนและพระมหากษัตริย์ต่างพากันนมัสการบูชาพระในอารามทั้งหลาย โดยคำว่า ยี่เป็ง เป็นภาษาล้านนา แยกได้สองคำ คือ คำว่า ยี่ หมายถึงเดือน 2 หรือเดือนยี่ ตามที่คนล้านนาใช้เรียกเดือนพฤศจิกายน ส่วนคำว่า เป็ง หมายถึง พระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
คติความเชื่อเกี่ยวกับประเพณียี่เป็งมีหลายอย่าง โดยเชื่อว่าเป็นการบูชาพระแม่คงคาที่ประทานน้ำมาให้เพื่อการเพาะปลูก เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งน้ำนัมมทานทีในคติทางพุทธศาสนา ซึ่งชาวบ้านมักเชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ปล่อยเสนียดจัญไรต่าง ๆ สำหรับประเพณียี่เป็ง เป็นประเพณีของชาวล้านนาในไทย จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุก ๆ ปีที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะจัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 2 ของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย และในเทศกาลยี่เป็งจะจัดขึ้น 3 วัน ได้แก่
• วันขึ้น 13 ค่ำ หรือ วันดา เป็นวันเตรียมข้าวของสำหรับทำบุญที่วัดเชียงใหม่
• วันขึ้น 14 ค่ำ เป็นวันที่หลายครอบครัวพากันไปทำบุญ ถือศีล ฟังธรรมกันที่วัด มีการทำกระทงใหญ่ ไว้ที่ลานวัด และนำของกินมาใส่กระทงไว้เพื่อเป็นการทำทานให้แก่คนยากจน
• วันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่จะนำกระทงใหญ่ที่ลานวัดและกระทงเล็ก ๆ ส่วนตัวไปลอยในแม่น้ำ
ปัจจุบันมีการจัดงานเทศกาลยี่เป็งอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งงานลอยโคม ตามประทีป และลอยกระทง ซึ่งแตกต่างกันไปตามจังหวัดต่าง ๆ เช่น ยี่เป็งจังหวัดเชียงใหม่ มีเค้ามาจากศาสนาพราหมณ์ คือการบูชาเทพเจ้าทั้ง 3 ซึ่งมีการจุดโคมและบูชาโคม ซึ่งมีเทียนอยู่ในโคมเป็นเวลา 3 วัน แล้วเอาลอยน้ำไปต่อด้วยพิธีตามประทีป มีความเชื่อบางอย่างว่าเป็นการบูชาพระแม่คงคา ให้คนมีความกตัญญูต่อสายน้ำที่ให้คุณค่ามหาศาลหรือเป็นการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นการบูชารอยพระพุทธบาท ณ หาดทรายฝั่งแม่น้ำมหานที หรือการบูชาพระเจ้าตามศาสนาพราหมณ์ หรือระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ หรือลอยสะเดาะห์เคราะห์ งานประเพณีนี้เป็นงานที่เทศบาลเชียงใหม่และภาคเอกชนจัดทุกปี เพื่อแสดงแก่นักท่องเที่ยวที่นิยมมาเชียงใหม่จำนวนมาก โดยมีการจุดประทีปโคมไฟบริเวณคูเมืองทุกวัน และลอยกระทงสายตามลำน้ำปิงทุกคืน
กิจกรรมที่ชาวล้านนานิยมทำในประเพณียี่เป็ง คือ การจุดผางประทีป หรือผางผะตี้ด และโคมไฟบูชาพระเจ้าห้าพระองค์ การปล่อยว่าว จุดบอกไฟ (ดอกไม้ไฟ) ชนิดต่าง ๆ การทำซุ้มประตูป่า เพื่อประดับตกแต่งบริเวณหน้าบ้านหรือวัด การไปทำบุญที่วัดในวันยี่เป็ง การฟังเทศน์ใหญ่ ที่เรียกว่า เทศมหาชาติ หรือ ตั้งธรรมหลวง กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เกิดภูมิปัญญาในการจัดทำเครื่องสักการะบูชา เพื่อใช้ในการบูชาตามความเชื่อของชาวล้านนาในประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีเดือนยี่ ในที่นี้จะขอกล่าวถึง ภูมิปัญญาในการประดิษฐ์เครื่องสักการะ ลักษณะของเครื่องสักการะชนิดต่าง ๆ รวมถึงความเชื่อในการบูชาด้วยเครื่องสักการะนั้น ๆ
เทศบาลนครเชียงใหม่ กำหนดจัดกิจกรรม ประเพณีลอยกระทง หรืองานยี่เป็ง 2567 ระหว่างวันที่ 14 - 17 พฤศจิกายน 2567 ภายใต้แนวคิด มนต์สเน่ห์แม่ระมิงค์ แสงศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม โดยในปีนี้จะจัดซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติ และประดับตกแต่งไฟสวยงาม ตลอดถนนท่าแพ ภายใต้แนวคิด 12 นักษัตร ตามความเชื่อล้านนา และชาวตะวันออกเข้าด้วยกัน รวมถึงมีการประดับไฟจุดแลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงการจัดประกวดขบวนแห่สะเปา และการประกวดขบวนแห่กระทงใหญ่ การประกวดนางนพพมาศ และกิจกรรมแสงสีเสียง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังเหตุอุทกภัยใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นการมีส่วนร่วม และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะการปล่อยโคมลอย ซึ่งในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่จะไม่อนุญาตให้จำหน่ายและปล่อยโคมลอยทุกกรณีหากพบเห็นจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
“YIPENG The Lanna Light Festival 2024” สมาคมการค้าวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จัดงาน "YIPENG The Lanna Light Festival 2024" ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2567 โดยมีกิจกรรมและตกแต่งแสงไฟอย่างงดงามในสไตล์ล้านนาร่วมสมัย สร้างบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้เมืองเชียงใหม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนาเท่านั้น แต่ยังเป็นเทศกาลระดับนานาชาติ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความยั่งยืนให้กับเชียงใหม่ สอดคล้องกับนโยบาย “12 เดือน 12 เทศกาล” ของจังหวัด และสนับสนุนแนวทาง “ซอฟต์พาวเวอร์” ของรัฐบาล เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจในระดับประเทศ ผ่านการอนุรักษ์อัตลักษณ์ท้องถิ่น มี 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่
Yi-Peng Communication – การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์เว็บไซต์ www.visitlannaassociation.com เพื่อสื่อสารข่าวสารและสินค้าท้องถิ่นแก่ผู้เข้าร่วมงาน
Yi-Peng Illumination – การตกแต่งไฟในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น วัด ชุมชน คาเฟ่ และการจัดแสงไฟยามค่ำคืน เพิ่มบรรยากาศเทศกาลในแบบ Night-Light Festival สร้าง Night-time Economy
Yi-Peng Product & Service – นำเสนอสินค้าและบริการที่สะท้อนวัฒนธรรมล้านนา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ อาหาร งานหัตถกรรม และสปา
Yi-peng Navigator – แผนที่กิจกรรมและเส้นทางท่องเที่ยวแบบเป็นภารกิจ (mission) ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์เชียงใหม่อย่างครบถ้วน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในเขตพิเศษภาคเหนือ ร่วมฟื้นฟูเชียงใหม่และเปิดประสบการณ์ใหม่ไปด้วยกันในเทศกาลยี่เป็ง 2567
Festival of Light แสงเทศกาล ‘ยี่เป็ง’ เรียนรู้คลองแม่ข่า และไนท์บาซาร์ เชียงใหม่
14 - 17 พฤศจิกายน 2567 ริมคลองแม่ข่า ย่านไนท์บาซาร์ ชุมชนช่างฆ้อง ลอยเคราะห์ จนถึงสะพานศรีดอนไชย จัดขึ้นเพื่อสร้างการเรียนรู้คลองแม่ข่าและย่านเก่าเมืองเชียงใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเชียงใหม่สู่เมือง
แห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก (UNESCO) พบกับกิจกรรม
- Mae Kha Walk Along เดินเรียนรู้คุณค่าคลองแม่ข่า และชุมชนกับทีม Mae Kha City Lab ชุมชน และผู้ประกอบการไนท์บาซาร์
- Workshop งานหัตกรรมยี่เป็ง และงานหัตถกรรมชาติพันธุ์ชุมชนริมคลองแม่ข่า
- ประเพณีตั้งธัมม์หลวง ณ วัดช่างฆ้อง Workshop สวยดอก และถวายเป็นพุทธบูชา ชมนิทรรศการพระเวสสันดรเสด็จเวียงเชียงใหม่
- นิทรรศการแสงไฟยี่เป็ง “Ligh Up Mae Kha & Night Bazaar” แรงบันดาลใจจากคุณค่า และวิถีริมคลองแม่ข่า
- Mae Kha Explorer เดินสำรวจเสน่ห์ริมคลองแม่ข่า และเรียนรู้เรื่องลับที่คุณอาจไม่รู้ริมคลอง พร้อมพาสปอร์ตแผนที่ Stamp 5 จุด Check In ริมคลองแม่ข่า ย่านไนท์บาร์ซาร์
กิจกรรม Festival of Light แสงเทศกาลยี่เป็ง เรียนรู้คลองแม่ข่า ย่านไนท์บาซาร์และชุมชนริมคลอง มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเรียนรู้คุณค่าคลองแม่ข่า และชุมชนโดยรอบ และสนับสนุนการนำร่องพัฒนาศักยภาพ และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของทุกคนริมคลองแม่ข่า และเมืองเชียงใหม่
งานยี่เป็งเวียงท่ากาน แบบย้อนยุค วันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน 2567 ณ โบราณสถานเวียงท่ากาน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมในงาน มีการเทศน์มหาชาติ เขาวงกต เทศน์อานิสงส์ผางประทีป การประกวดโคมผัด ประกวดบอกไฟดอก การปล่อยโคมลอยลูกเล่น และกิจกรรมทำโคมฮังมดส้ม และยังมีการแสดงฟ้อนรำและดนตรีพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังมีการกาดหมั้ว จำหน่ายอาหารพื้นถิ่นของเชียงใหม่สายใต้ที่หาทานได้ยากด้วยบรรยายกาศย้อนยุคแบบเชียงใหม่สายใต้ ตกแต่งด้วยโคมแขวนและจุดผางประทีปรอบเมืองโบราณเวียงท่ากาน
(ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่)
ประเพณี “สมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด 14 – 15 พฤศจิกายน 2567”
จังหวัดร้อยเอ็ดหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองสาเกตนครในอดีตเป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนานในอดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองในแถบภูมิภาคนี้ มีขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยยึดถือประเพณีตาม ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ หรือประเพณี 12 เดือน เช่น บุญผะเหวด บุญแห่เทียนเข้าพรรษา บุญกวนข้าวทิพย์ออกพรรษา บุญบั้งไฟ บุญสงกรานต์ บุญคูณลาน โดยเฉพาะงานประเพณีที่เรียกกันจนคุ้นหู และมีชื่อเป็นทางการว่า งานสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป หรืองานลอยกระทงที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด
นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ประเพณีฮีตสิบสอง ครองสิบสี่หรือประเพณีสิบสองเดือนที่ชาวไทยยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายที่สำคัญประเพณีหนึ่งคือประเพณีลอยกระทง นิยมจัดขึ้นในวันขึ้นสิบห้าค่ำ วันเพ็ญเดือนสิบสองซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นการขอขมาพระแม่น้ำคงคา หรือแม่น้ำที่เราใช้อาบ ใช้ดื่มสร้างความสกปรกมาในรอบปี ให้เป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระโมคัลลาบุตรมหาสาวก คืนเพ็ญเดือนสิบสองนี้ชาวไทยทั่วประเทศจะออกมาร่วมงานลอยกระทงของแต่ละท้องถิ่นที่มีการจัดขึ้นซึ่งบางแห่งมีชื่อเรียกเฉพาะ เช่น จังหวัดสุโขทัย เรียกประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดเชียงใหม่ เรียกประเพณี ยี่เป็ง ลอยกระทงสายไหลประทีปพันดาว จังหวัดตาก เป็นต้น
สำหรับปีที่ผ่านมากิจกรรมในการจัดงานที่สำคัญ เช่น พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง การประกวด กระทงประทีปใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล การประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดธิดาสาเกตนคร การจัดนิทรรศการประเพณีลอยกระทง 4 ภาค การสาธิตการทำกระทงแบบต่าง ๆ ชมขบวนแห่กระทงสาเกตนคร หรือเมืองร้อยเอ็ดในปัจจุบันและเมืองบริวาร สิบเอ็ดหัวเมืองรวมสิบสองขบวนเป็นการจำลองเหตุการณ์ในอดีต ในสมัยทวาราวดีที่มีหัวเมืองต่าง ๆ มาร่วมกันประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ สมมาน้ำร่วมกัน ณ บริเวณหน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด (เมือสาเกตนคร) มีขบวนอัญเชิญพระประทีปโคมไฟพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ในปีนี้ชาวร้อยเอ็ดได้มีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ อลังการ ชมการแสดง แสง สี เสียง ในรูปแบบวัฒนธรรมอีสานของชาวคุ้ม สถานศึกษาต่าง ๆ การแสดงนาฏศิลป์จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด การแสดงดนตรีหมอลำ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน ค่ายเพลงต่าง ๆ ที่มาร่วมงานการประดับประทีปโคมไฟทั่วบริเวณงาน การจุดพลุดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา การลอยกระทงขนาดใหญ่กว่า 60 กระทงรอบบริเวณบึงพลาญชัย รวมทั้งกระทงเล็กต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งหาชมได้ยาก จนงานดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็นการจัดงานประเพณีลอยกระทงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและความเชื่อที่เกี่ยวกับการลอยพระทีป (กระทง)
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ชมรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนราชการ สถานศึกษา หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ พ่อค้าและประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานลอยกระทงที่ยิ่งใหญ่ขึ้น จากเดิมเป็นงานลอยกระทงประจำปีปกติ ต่อมาในปี 2542 จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เฉพาะว่า งานสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป สืบทอดกันมาตราบเท่าปัจจุบัน
ไฮไลท์ กิจกรรม ROI ET Loy Kratong Festival
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567
• พิธีอัญเชิญพระประทีปพระราชทาน
• การประกวดธิดาสาเกตนคร
• การประกวดรำวงสมมาน้ำ
• การประกวดกระทงอนุรักษ์
• การแสดงแสง สี เสียง ชุด “องค์เทพคุ้มเกล้า องค์เจ้าคุ้มเมือง เรืองรองเส็งประทีป”
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567
• พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
• ขบวนแห่จาก 12 หัวเมือง
• การประกวดกระทงประทีปชิงถ้วยพระราชทาน
• การแสดงแสง สี เสียง ชุด “องค์เทพคุ้มเกล้า องค์เจ้าคุ้มเมือง เรืองรองเส็งประทีป”
• ร่วมลอย “กระทงข้าว”
• การแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ พร้อมศิลปินชื่อดัง เวียง นฤมล นุช วิลาวัลย์
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 043-511-222 ต่อ 472
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี )
#ลอยกระทงวิถีไทยปลอดภัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม #ThailandWinterFestivals2024 #LoiKrathongFestival2024 #กระทรวงวัฒนธรรม #ยี่เป็งเชียงใหม่2567 #YipengFestival2024 #สมมาน้ำ คืนเพ็งเส็งประทีป