ส่งกากแคดเมียมกลับคืนบ่อฝังกลบเที่ยวแรก 270 ตัน 29 เม.ย. นี้

ก.อุตสาหกรรม - ดีเดย์ 29 เมษายน ส่งกากแคดเมียมกลับคืนบ่อฝังกลบเที่ยวแรก 270 ตัน “พิมพ์ภัทรา” ลงพื้นที่สมุทรสาคร คุมหน้างานด้วยตนเอง ย้ำต้องปลอดภัยได้มาตรฐานตลอดเส้นทาง

ส่งกากแคดเมียมกลับคืนบ่อฝังกลบเที่ยวแรก 270 ตัน 29 เม.ย. นี้ คาดแล้วเสร็จภายใน 17 มิ.ย. 67

กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นชอบแผนการขนย้ายกากแคดเมียมที่เสนอโดย บมจ. เบาด์แอนด์บียอนด์ กำหนดให้เริ่มการขนย้ายกากแคดเมียมจากโรงงานเจแอนด์บี เมททอล สมุทรสาคร และโรงงานล้อโลหะไทย กรุงเทพฯ ในช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 29 เมษายนนี้ ตามแนวทางและวิธีการที่คณะกรรมการอำนวยการ และคณะทำงานขนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสีกำหนด โดย นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเดินทางไปตรวจสอบกระบวนการขนย้าย ณ บริษัท เจแอนด์บี เมททอล ด้วยตนเอง

สำหรับพาหนะในการขนย้ายจะใช้แบบผสมผสาน ประกอบด้วย รถเทรเลอร์ท้ายเรียบพร้อมวัสดุปิดปกคลุมกากแร่ กับรถ 10 ล้อพ่วงล้อมคอก โดยรถ 1 คัน จะบรรจุกากแร่แคดเมียมในถุง Double Bag จำนวน 20 ถุง หรือประมาณ 30 ตัน มีระบบ GPS ติดตามและบันทึกข้อมูลตลอดการเดินทาง พร้อมมีตำรวจนำขบวน

ทั้งขาไป - ขากลับ และมีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีเกิดอุบัติเหตุ สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ทำการขนย้าย

ทุกขั้นตอนจะสวมชุดป้องกันการสัมผัสกับกากแคดเมียม โดยที่ บริษัทเจแอนด์บี สมุทรสาคร จะเริ่มขนย้ายกากแคดเมียมเที่ยวแรกด้วยรถเทรลเลอร์ท้ายเรียบ จำนวน 4 คัน สามารถขนย้ายได้จำนวน 80 ถุง น้ำหนักรวม 120 ตัน และบริษัท ล้อโลหะไทย กรุงเทพ จะใช้รถ 10 ล้อพ่วงล้อมคอก จำนวน 6 คัน สามารถขนย้ายได้จำนวน 100 ถุง น้ำหนักรวม 150 ตัน ซึ่งก่อนออกเดินทางรถทุกคันจะมีการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลฟุ้งกระจายของกากแคดเมียม หลังจากนั้น จะเริ่มทยอยขนที่เหลืออีกประมาณ 12,800 ตัน จากสมุทรสาคร และชลบุรีทุกวัน จนถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2567 (รวมระยะเวลาขนย้ายประมาณ 36 วัน) ซึ่งกากแคดเมียมทั้งหมดจะถูกนำไปพักไว้ที่โรงพักคอยของ บมจ. เบาด์แอนด์บียอนด์ จังหวัดตาก 

เพื่อรอการซ่อมแซมปรับปรุงโรงเก็บแร่ ไม่ให้มีน้ำเข้ามาได้ โดยทำการปูวัสดุรองพื้นป้องกันการรั่วซึมบ่อฝังกลบ หมายเลข 5 ให้เสร็จเรียบร้อย แล้วจึงนำกากทั้งหมดมาฝังกลบ และทำการปิดบ่อดังกล่าวภายในวันที่ 

30 กันยายน 2567

ก.อุตฯ ย้ำ การขนย้ายต้องปลอดภัยได้มาตรฐานตลอดเส้นทาง 

 ทั้งนี้ คณะกรรมการอำนวยการขนย้ายกากแคดเมียมฯ ได้ทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วน กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และชลบุรี บมจ. เบาด์แอนด์บียอนด์ บจก.เจแอนด์บี เมททอล และบริษัทขนส่ง สำหรับการเตรียมความพร้อมของโรงพักคอยของ บมจ. เบาด์แอนด์บียอนด์ที่จังหวัดตาก ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 2,200 ตารางเมตร สามารถรองรับกากแคดเมียมได้กว่า 14,000 ตัน นั้น ปัจจุบันได้ทำการปรับพื้นด้วยดินลูกรังสูง 30 เซนติเมตร และปูทับด้วยแผ่นดินเหนียวสังเคราะห์ (Geosynthetic Clay Liner) ป้องกันการซึมเปื้อน ตลอดจนเตรียมร่องระบายน้ำ ปั๊มน้ำ บ่อรองรับน้ำฝน และวัสดุปิดคลุม เรียบร้อยแล้ว 

ด้านรถขนส่งกากแคดเมียมจำนวน 30 คัน ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว รวมถึงระบบติดตามตรวจสอบการขนย้ายและการสุ่มตัวอย่างตรวจสอบ (Manifest) ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน พร้อมเน้นย้ำให้ทีมงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมขั้นตอน (Procedure) เส้นทาง (Routing) และรายชื่อผู้รับผิดชอบในการขนย้ายและตรวจสอบทั้งหมด เพื่อใช้ในการกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นมาตรฐาน ตลอดจนต้องมีการเตรียมแผนสำรองฉุกเฉิน เพื่อให้กระบวนการขนย้ายไม่เกิดการสะดุด 

มีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน 

เปิด 12 ขั้นตอน ขนกากแคดเมียมกลับ จ.ตาก

ดูดฝุ่นพื้นโรงงานเพื่อทำความสะอาดสถานที่ก่อนการขนย้าย 

ตั้งวางเครื่องชั่งน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน 

นำรถพ่วงคันแรกที่จะใช้ขนย้ายเข้ามาจอดในโรงงาน 

ซ้อนถุงบิ๊กแบ็กที่บรรจุกากแคดเมียมในถุงบิ๊กแบ็กที่มีขนาดใหญ่กว่าถุงเดิม (ซ้อนถุง 2 ชั้น) เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ว่าการขนย้ายเป็นไปตามมาตรฐานของสหประชาชาติ 

เมื่อซ้อนถุงเสร็จแล้วนำไปชั่งน้ำหนัก พร้อมเขียนรหัส วันที่ และน้ำหนักที่ชั่งได้จริงบนถุงชั้นนอก 

รถแต่ละคันจะมีการสุ่มตัวอย่างด้วยการเก็บสารข้างในถุงออกมา เพื่อนำไปตรวจสอบในห้องแล็บว่าของที่ขนเป็นกากแคดเมียมจริงตามวัตถุประสงค์ในการขน 

ปิดซีลถุงทั้งสองชั้นก่อนจะนำไปขึ้นรถ ที่มีการปูพลาสติก/ผ้าใบไว้แล้ว

ตรวจสอบว่าได้นำถุงขึ้นบนรถครั้งแรกครบแล้ว และทำการปิดซีลคลุมรถให้เรียบร้อย

เมื่อแล้วเสร็จจะมีการดูดฝุ่นพื้นที่ในโรงงานอีกครั้ง และปิดประตูโรงงานโดยรถคันแรกนี้จะยังอยู่ในโรงงาน

จะมีการดูดฝุ่นล้อรถคันแรกก่อนจะนำรถออกจากโรงงานไปจอดรอที่จุดพักรถที่สถานประกอบการเตรียมไว้ 

นำรถคันที่สองเข้าสู่กระบวนการเดียวกันจนครบทั้งหมด 6 คัน 

เคลื่อนขบวนพร้อมกันเพื่อไปยังจุดนัดพบร่วมขบวนกับรถขนกากแคดเมียมที่มาจากจังหวัดสมุทรสาคร แล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อฝังกลบเดิมที่จังหวัดตาก

โดย การขนส่งย้ายจะต้องคำถึงถึงหลักการดำเนินการบนความปลอดภัยสูงสุด เช่น การวางเครื่องชั่งน้ำหนักในจุดที่ไม่สุดระยะของเครนเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว มีความโปร่งใสในการดำเนินการสูงสุด ทั้งนี้ ภายหลังนำกากแคดเมียมออกไปหมดแล้วจะมีการตรวจสอบพื้นที่ ดิน น้ำ อากาศ ซ้ำอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัย

 

สั่งกำชับ กรมโรงงานฯ และ อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ หลังความร้อนเป็นเหตุไฟไหม้โกดังพระราม 2 

 จากเหตุการณ์ สารเคมีรั่วไหลในโกดังเก็บสารเคมี จนเกิดกลุ่มควันสีขาวที่โรงงาน ย่านพระราม 2 

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ตรวจสอบแล้วพบว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นอาคารเก็บสารเคมีของบริษัท เพรสซิเดนท์เคมีภัณฑ์ จำกัด ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนกลุ่มควันสีขาวเกิดจาก สารเคมี 2 ถังในอาคารหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการขนย้ายสารเคมีในกลุ่มเดียวกันออกมาด้านนอกอาคาร และใช้น้ำในการควบคุมควันที่เกิดขึ้น และได้ทำการเปิดบรรจุภัณฑ์เมื่อสารเคมีกระทบอากาศทำให้เกิดไฟลุกไหม้ภายในถัง จึงเร่งควบคุมเพลิงเพื่อไม่ให้สารเคมีแพร่กระจาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

  โดย สารเคมีที่พบในจุดเกิดเหตุ คือสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่เข้าข่ายวัตถุอันตรายตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ 2535 เป็นสารเคมีตามประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง (self-heating) และความร้อนเกิดจากตัวสารทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศที่อุณหภูมิรอบตัว สามารถลุกติดไฟได้เมื่อมีความร้อนสะสมต่อเนื่องภายในถึงอุณหภูมิที่สามารถลุกติดไฟได้ด้วยตนเอง (auto-ignition temperature) ทั้งนี้จากการสันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการสะสมความร้อนภายในบรรจุภัณฑ์ของสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ทำให้ภายในบรรจุภัณฑ์มีอุณหภูมิสูงจนทำให้มีกลุ่มควันเกิดขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมีข้อสั่งการกำชับไปยัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงาน และอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ให้เร่งแจ้งเตือนสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บสารเคมี ให้เพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบสถานที่จัดเก็บให้เป็นไปตามข้อกำหนด ทั้งโรงงานและสถานที่ครอบครองจัดเก็บวัตถุอันตราย หรือสารเคมี โดยต้อง ตรวจสอบสารเคมีที่จัดเก็บ เช็ค MSDS เอกสารข้อมูลความปลอดภัย โดยเฉพาะสารเคมีที่มีคุณสมบัติเกิดปฏิกิริยา หรือติดไฟเองได้ เมื่ออุณหภูมิการจัดเก็บสูง ต้องเก็บแยกออกจากกัน และหมั่นเช็กสภาวะแวดล้อม เพื่อจัดเก็บสารเคมีในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันสภาวะอากาศมีอุณหภูมิสูงต่อเนื่อง

 

 

#29เมษาส่งกากแคดเมียมกลับตากรอบแรก #ไฟไหม้โรงงานพระราม2 #กระทรวงอุตสาหกรรม 

#นโยบายรัฐบาล20กระทรวง


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar